การส่งต่อความรู้สึกดีๆ ให้ลูกค้าได้รับ

การส่งต่อความรู้สึกดีๆ ให้ลูกค้าได้รับ
































































การฝึกอบรมและฝึกปฏิบัติจริง

การฝึกอบรมและฝึกปฏิบัติจริง

ทำความรู้จักมะม่วง

มะม่วงมีกี่ชนิด

มะม่วง เป็นผลไม้เศรษฐกิจของประเทศไทยที่สามารถส่งออกเป็นอันดับ 3 ของโลก ในประเทศไทยมีมะม่วงมากกว่า 170 สายพันธุ์ แตกต่างกันทั้งรูปร่างลักษณะ และรสชาติ จนผู้บริโภคเลือกแทบจะไม่ถูกว่าจะรับประทานพันธุ์ไหน สุกแค่ไหน ให้อร่อย

สายพันธุ์ มะม่วง สำหรับผู้บริโภค ด้วยสายพันธุ์ที่หลากหลาย เราจึงแบ่งมะม่วงออกเป็น 3 ประเภท ตามความนิยมในการรับประทาน

1. สายพันธุ์ที่นิยมรับประทานดิบ คือ มีรสหวาน มัน แต่พอสุกจะมีรสหวานชืด ไม่อร่อย หรือบางสายพันธุ์มีรสเปรี้ยว นิยมรับประทานกับน้ำปลาหวาน เช่น

- มะม่วงเขียวเสวย รสมันอมเปรี้ยว

- มะม่วงแรด รสชาติอมเปรี้ยว

- มะม่วงฟ้าลั่น มีรสมัน

2. สายพันธุ์ที่นิยมรับประทานสุก คือ มีรสเปรี้ยวตอนที่ยังดิบ แต่เมื่อสุกแล้วเนื้อมะม่วงจะเหลือง หวาน อร่อย นิยมรับประทานกับข้าวเหนียวมูน เช่น

- มะม่วงน้ำดอกไม้

- มะม่วงอกร่อง

3. สายพันธุ์ที่นิยมนำมาแปรรูป คือ เมื่อแก่จัดมีรสมันอมเปรี้ยว เมื่อสุกมีรสหวานอมเปรี้ยว หรือหวานชืด จึงนิยมนำมาแปรรูปเป็น มะม่วงดอง มะม่วงกวน และอื่นๆ เช่น

- มะม่วงแก้ว หรือที่เรียกกันว่า ‘มะม่วงอุตสาหกรรม

สายพันธุ์ มะม่วง สำหรับเกษตรกร : แบ่งมะม่วงออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่มมะม่วงในฤดู

1. มะม่วงในฤดูรับประทานสุก ได้แก่

- อกร่องทอง มีร่องตื้น ตรงกลางด้านหน้าผล เป็นมะม่วงอกร่องที่กลายพันธุ์มาจากอกร่องเขียว แต่มีลักษณะคล้ายกับอกร่องเขียว แตกต่างจากอกร่องเขียวที่ขนาดผลใหญ่กว่า และผลดิบมีสีเขียวอ่อน เนื้อผลมีสีขาว มีรสเปรี้ยวจัด ผลแก่มีรสเปรี้ยวอมหวาน ผลสุกมีสีเหลืองทองหรือเหลืองอมส้ม เนื้อผลละเอียด สีเหลืองอ่อนหรือสีครีม มีเสี้ยนเล็กน้อย มีรสหวานมาก และหวานมากกว่ามะม่วงทุกชนิด

- อกร่องเขียว เป็นมะม่วงอกร่องพันธุ์ดั้งเดิม ผลดิบมีสีเขียวอ่อน และมีนวล เนื้อผลมีสีขาว มีรสเปรี้ยวจัด ผลแก่หรือผลห่ามมีรสเปรี้ยวอมหวาน ผลสุกมีสีเปลือกเขียวอ่อน มีเสี้ยนเล็กน้อย มีรสหวานมาก

- อกร่องไทรโยค เป็นมะม่วงอกร่องที่มีกลิ่นหอมนาน หวานสนิท

- อกร่องพิกุลทอง ผลใหญ่กว่าอกร่องปกติสามเท่า รสชาติก็ธรรมดา ไม่เป็นที่นิยมนัก

- พิมเสนแดง ผลสุกจะมีรสชาติหวานหอมอร่อยมาก โดยเฉพาะกลิ่นจะหอมชื่นใจคล้ายกับกลิ่นหอมของมะม่วงมหาชนก แต่จะมีความหวานเย็นมากกว่า ส่วนสีของผลสุกจะเป็นสีแดงอมส้มสวยงาม

- นาทับ เวลาสุกเนื้อจะละเอียด เหนียวแน่นไม่เละไม่มีเสี้ยนรสชาติหวานหอมคล้ายเนื้อ

มะม่วงอกร่อง

- แก้วลืมรัง ผลไม่ใหญ่ เรียวยาว มน แบนนิดๆ ปลายผลเรียวงอนิดๆ ผลสุกหวานอร่อยมาก เนื้อแน่น กินกับข้าวเหนียวมะม่วงอร่อย นิยมส่งออก สายพันธุ์ไม่แพร่หลาย เป็นมะม่วงเฉพาะถิ่น

- หนังกลางวัน (มะม่วงงาช้าง) ผลใหญ่ รสชาติหวานหอมอ่อนๆ รสไม่จัด เนื้อเหนียวแน่น เนื้อมากเมล็ดบาง เป็นมะม่วงนิยมส่งออก

- ยายกล่ำ ผลสุกเนื้อจะมีรสชาติหวาน ไม่เละแม้สุกงอม ไม่มีเสี้ยน รับประทานอร่อยมาก ผล

ดิบรสเปรี้ยวจัดใช้คั้นน้ำปรุงอาหารแทนน้ำมะนาวได้

- ทองดำ ผลสุก เปลือกสีเขียวเข้ม เนื้อสีส้ม รสชาติหวานมัน

- แรด ผลสุกจะมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว กลิ่นหอม

- การะเกด ผลสุก เนื้อในเป็นสีเหลืองอมส้ม หวานหอม ไม่มีเสี้ยน เนื้อเยอะไม่เละแม้เนื้อจะสุกงอม เมล็ดไม่ใหญ่ ส่วนผลดิบ รสชาติเปรี้ยวจัดนำไปปอกเปลือกแล้วสับเป็นฝอยปรุงเป็นยำมะม่วงใส่ยำชนิดต่างๆ หรือใส่น้ำพริกแทนการใช้น้ำมะนาวเพิ่มรสชาติให้มีกลิ่นหอมเปรี้ยวกรอบรับประทานอร่อยมาก

- หมอนทอง มีขนาดลูกที่ใหญ่มาก บางลูกหนักเป็นกิโลกรัม เนื้อเยอะเสี้ยนน้อย เมล็ดลีบ

เปลือกบาง กลิ่นหอม รสหวาน

2. มะม่วงในฤดูรับประทานดิบ ได้แก่

- เขียวเสวย ผลดิบ ผิวเปลือกจะมีสีเขียวเข้ม เมื่อแก่ผิวเปลือกจะออกสีนวล เนื้อเป็นสีขาวจะมีความละเอียด กรอบ มีเสี้ยนค่อนข้างน้อย รสเปรี้ยว เมื่ออ่อน เมื่อแก่จัดจะมีรสมัน

- หนองแซง ผลดิบ มีรสชาติ มัน ตั้งแต่ลูกยังเล็ก หวานกรอบ ผลแก่ มีรสชาติ มัน หวานกรอบ ผลสุก มีรสชาติ หวาน

- แก้ว ผลดิบมีรสเปรี้ยวไม่มาก เนื้อหนา และมีความกรอบ ส่วนผลสุกมีสีเหลืองทอง หรือ

เหลืองอมแดง เนื้อนุ่มเหนียว ไม่เละง่าย และมีความหอมหวาน

- แห้ว สายพันธุ์เบา แตกใบรูปเหมือนคันร่มหรือทรงฉัตร ลูกเล็กรสจืด

- มันค่อม ผลดิบสีเขียว ห่ามสีเขียวอมเหลือง รสชาติมันกรอบปนหวาน

- สายฝน รสมันไม่เปรี้ยวแม้ผลยังเล็ก ลักษณะผลคล้ายมะม่วงแก้ว มีกลิ่นหอม

- เจ้าคุณทิพย์ เป็นมะม่วงมัน รสชาติดี

- สวนทิพย์พระยาเสวย (อีหมู) เป็นมะม่วงมันตั้งแต่ยังเล็ก

- ฝรั่งตกตึก มีกลิ่นหอม เนื้อสีเหลืองทอง กรอบ อร่อย อมเปรี้ยวนิดๆ

- ฟ้าลั่น รสชาติมัน กรอบ

- มันขุนศรี ผลดิบมีรสเปรี้ยวจัด ฉ่ำน้ำ และกรอบ

3. มะม่วงแปรรูป ได้แก่

- แก้ว 007 ผลใหญ่ เนื้อหนาแน่น เหมาะทั้งการนำมาแปรรูป รับประทานดิบ และสุก

- พิมเสนสามปี รสชาติจะเปรี้่ยวหวาน เนื้อมะม่วงสีเหลือง มีเสี้ยน

- แก้วแดง เนื้อผลหนา ผลดิบมีเปลือกสีเขียวเข้ม และมีจุดประสีขาว เมื่อห่ามมีสีเขียวอม

เหลือง ส่วนผลสุกเปลือกจะมีสีเหลือง เนื้อด้านในมีมีสีแดงหรือแดงเข้ม

- แก้วเขียว เนื้อผลหนา ผลดิบมีเปลือกสีเขียวอ่อน คล้ายกับสีของมะม่วงอกร่อง ส่วนเนื้อผล

ด้านในมีสีขาว กรอบ มัน เมื่อสุก เปลือกผลมีสีเหลืองอ่อนหรือสีครีม

4. มะม่วงประกอบอาหาร ได้แก่ พันธุ์เบาปักษ์ใต้ มะม่วงกินสุกที่มีรสเปรี้ยว มะม่วงประกอบอาหารในที่นี้ ได้แก่ มะม่วงที่ใช้เป็นส่วนประกอบในการยำ

5. มะม่วงพันธุ์ต่างๆ ได้แก่

- อาร์ทูอีทู ออกผลตามฤดูกาล ติดผลดกมาก รูปทรงผลกลม คล้ายผลแอปเปิ้ล ผลดิบ เป็นสีเขียวอ่อน เมื่อผลสุกสีของผลจะเปลี่ยนจากสีเขียวอมชมพูเป็นสีเหลืองอมแดงสวยงามสะดุดตา เมื่อสุกมีกลิ่นหอม รสชาติรสหวานอ่อน เนื้อละเอียดเนียน สีเหลืองส้มไม่มีเสี้ยน มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย

- มหาชนก มะม่วงมหาชนกมีลักษณะสีผิวสวย เมื่อดิบสีผิวเขียวเรียบเนียน ส่วนรสชาติ

จะเปรี้ยวจัด เมื่อผลแก่จะมีสีเขียวอมแดง และเมื่อสุกจัดจะมีสีเหลืองทองอมส้มหรือสีแดงแก้มแหม่ม เนื้อแน่น แต่เมื่อแก่จัดและสุกจะมีรสชาติหวาน และมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์

- งามเมืองย่า ผลดิบ เนื้อหนา ละเอียด กรอบ ไม่มีเสี้ยน รสชาติมันหวานปนเปรี้ยว เนื้อสุกแน่น กลิ่นหอม ไม่หวานจัด

- ทอมมี่แอทกินส์ ผิวสีชมพู เนื้อหนาหยาบ มีกากใยมาก ผลดิบมีรสเปรี้ยวนิดๆ ผลสุกรสหวาน ผลกลมแต่เล็กกว่า อาร์ทูอีทู แต่มีกลิ่นยางแรง คล้ายกลิ่นขี้ใต้ มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ รัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา

- ฮารูมานิส ผลใหญ่ มีรสหวาน นิยมรับประทานสด หรือคั้นน้ำเป็นเครื่องดื่ม มีสีเหลืองอ่อนปน

เขียว มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย

- เคียตท์ ผิวสีเขียวเรื่อแดง รสหวานอมเปรี้ยว มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ รัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกาฯลฯ

กลุ่มมะม่วงนอกฤดู

1. มะม่วงนอกฤดูรับประทานสุก (สายพันธุ์ธรรมชาติ) ได้แก่

- ศรีสยาม รสหวาน เนื้อสีเหลืองสด

- สามฤดู ผลสุกรสหวานใกล้เคียงกับเนื้อสุกของมะม่วงอกร่อง เนื้อเป็นสีเหลือง แน่นเหนียวไม่เละ มีเสี้ยนบ้างเล็กน้อย มีรสชาติดีทั้งขณะผลยังดิบและผลสุก โดยผลดิบรสชาติจะเปรี้ยวจัด ฉ่ำน้ำ กรอบอร่อยมาก

- เขียวเสวย ผลสุก ผิวของเปลือกจะเป็นสีเขียวปนเหลืองสีของเนื้อเป็นสีเหลือง ลักษณะเนื้อละเอียด มีเสี้ยนน้อย และมีรสหวาน

- โชคอนันต์ เนื้อหนา แน่น ผลสุกจะหวาน

- น้ำดอกไม้สีทอง กลิ่นหอม รสหวานอร่อย เสี้ยนน้อย เมล็ดบาง

- อกร่องพิกุล (นวลจันทร์) เนื้อแน่น กลิ่นหอมไม่มีเสี้ยน รสหวานอร่อย ผลแก่จัดและผลสุกผิวเปลือกสีเหลืองอมส้ม

- น้ำดอกไม้เบอร์ 4 ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน มีรูปทรงของผลสวยงาม ผลมีขนาดไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป รสชาติผลสุกหวานหอมอร่อยมาก เนื้อในเป็นสีเหลืองอมส้มหอมชื่นใจมาก รสชาติผลดิบเปรี้ยวจัด ฉ่ำน้ำ

- น้ำดอกไม้ลำผักชี

- น้ำดอกไม้นายตำรวจ

- น้ำดอกไม้หมอไมตรี

- น้ำดอกไม้สีม่วง

- เทพนิมิต

2. มะม่วงนอกฤดูรับประทานดิบ (สายพันธุ์ธรรมชาติ) ได้แก่

- มันบ่อปลา (มันเมืองสิงห์) รสชาติมัน

- ไอยเรศ

- มันทวาย ผลแก่รสชาติมัน ผลสุกรสชาติหวาน

- กำแพงแสน

- ศาลายา (ทูลถวาย) รสชาติมัน หวานอมเปรี้ยว กรอบ ฉ่ำน้ำ

- พิมเสนมันทวาย ผลโตปานกลาง ผลดิบสีเขียวอมเหลือง รสมัน หวานอมเปรี้ยว เนื้อผลสุกสีเหลืองเข้ม รสหวานอร่อย

- เหลืองประเสริฐ

- เขียวเสวยสายพันธุ์รจนา รสชาติมันอร่อยกว่าเขียวเสวยธรรมดา แต่ลูกเล็กกว่าหัวมนปลายแหลม ผิวมัน

- มันเดือนเก้า รสชาติมันอมเปรี้ยว ผลแก่มักนำมาแช่อิ่ม

- เพชรบ้านลาด รสชาติมันอร่อย มีกลิ่นหอมยาง

- มันทูลเกล้า รสชาติมัน กรอบ

29.2.59

สภาพแวดล้อมของการปลูกมะม่วง

ดิน มะม่วงสามารถปรับตัวเข้ากับดินประเภทต่าง ๆ ได้ดีกว่าผลไม้ชนิดอื่น ๆ แต่มีข้อแม้ต้องมีหน้าดินลึกและระบายน้ำได้ดี 

น้ำ มะม่วงจะเป็นพืชที่ทนความร้อนได้ดี แต่น้ำก็มีความสำคัญอย่างยิ่งในการปลูกมะม่วง มะม่วงที่มีอายุน้อย หรือยังไม่ติดผล จะมีความต้องการน้ำน้อยกว่ามะม่วงที่มีอายุมากกว่า 
อุณหภูมิ มะม่วงชอบอากาศร้อน ทนต่ออากาศแห้งได้ดี และไม่ชอบอากาศชื่น เพราะจะทำให้มะม่วงตาย 

ฤดูกาลปลูก มะม่วงสามารถปลูกได้ทุกฤดูกาล และสถานที่เหมาะสม 






การปลูกมะม่วง

การสร้างสวนมะม่วงหรือสวนผลไม้ชนิดต่างๆ มีความจำเป็นที่ต้องมีการแผนผังระบบการปลูกเอาไว้ล่วงหน้า ซึ่งการวางแผนผังนั้นเป็นสิ่งที่ต้องกระทำด้วยความระมัดระวัง


การปลูกมะม่วงสมัยใหม่

การปลูกสมัยเก่าจะทำการปลูกประมาณ 8–10 เมตรต่อหนึ่งต้น โดยที่สวนมะม่วงเมื่อปลูกจะไม่คำนึงถึงการบำรุงรักษาเพราะส่วนใหญ่จะปล่อย ให้เจริญเติบโตโดยธรรมชาติ การปลูกส่วนใหญ่จะปลูกด้วยเมล็ดนั้นจะทำให้ได้ลำต้นสูงใหญ่ 
นักวิชาการเกษตรเห็นว่าการใช้ดินในพื้นที่ 1 ไร่ ควรจะปลูกมะม่วงได้มากกว่า 25 ต้น ตลอดจนเวลาออกผลก็หลายปีแม้ในระยะเวลาที่มะม่วงยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่สามารถปลูกพืชอื่นๆ แซมระหว่างต้นได้ 
ระยะการปลูก ระยะการปลูก 8×8 เมตร ระยะปลูกขนาดนี้ปลูกได้ไร่ละ 25 ต้น ระยะปลูก 66 เมตรปลูกไดไร่ละ 44 ต้น ระยะปลูก 44 เมตร ระยะปลูกขนาดนี้สามารถปลูกได้ถึง 100 ต้น ต่อไร่ ระยะปลูก 2.5 2.5 ระยะปลูกนี้สามารถปลูกได้ถึง 256 ต้น ต่อ 1 ไร่ 


ประโยชน์ 

1.การปฏิบัติดูแลรักษาทำได้ง่าย 
2.การปลูกถี่เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการกำจัดวัชพืช 
3.กรณีที่ต้องการจะห่อหุ้มผลมะม่วงเพื่อไม่ให้แมลงวางไข่สามารถทำได้อย่างทั่วถึง 
4.สามารถให้ผลเร็วกว่าปกติเพราะใช้ตอนกิ่งหรือทาบกิ่ง 


การเตรียมพื้นที่สำหลับปลูกมะม่วง 

พื้นที่ปลูกมะม่วงมี 2 ชนิดคือ พื้นที่ลุ่มและพื้นที่ดอน 
การปลูกมะม่วงในพื้นที่ลุ่ม 
เป็นพื้นที่ที่มีน้ำท่วมถึงเป็นประจำโดยเฉพาะในระยะปลายฤดูที่มีปริมาณน้ำฝนมากและมีน้ำหลากเป็นประจำ ในแถบภาคกลางมักพบปัญหาเหล่านี้เป็นประจำ การปลูกมะม่วงในพื้นที่แถบนี้มีอยู่ 2 วิธีคือ 
1. ยกโคกปลูกแบบจอมปลวก คือ สามารถปลูกในนาหรือปลูกมะม่วงตามคันนาก่อน เมื่อต้นมะม่วงมีขนาดใหญ่ขึ้นก็เสริมดินบริเวณโคนต้นให้กว้างขึ้นคล้ายจอมปลวก ซึ่งวิธีนี้จะประหยัดต้นทุนในการดำเนินการในระยะแรกได้ 
2. ยกเป็นแปลงปลูก คือ มีร่องระบายน้ำระหว่างแปลงและมีแนวคันดินเพื่อป้องกันน้ำท่วมเพื่อที่ในเวลาฝนตกจะต้องคอยกั้นน้ำเข้าหรือต้องเสริมดินบนคันกั้นน้ำเสมอ แต่มีข้อดีคือ จะมีน้ำชลประทานเพียงพอตลอดปีเพื่อป้องกันน้ำท่วมตามที่ต้องการ 

การปลูกมะม่วงในที่การปลูกมะม่วงแบบนี้มีการลงทุนในระยะแรกต่ำ แต่ถ้าหากไม่น้ำชลประทานให้ จะทำให้คุณภาพและผลผลิตของมะม่วงต่ำลง ซึ่งการทำสวนมะม่วงในที่ดอนนั้นจะดีกว่าในที่ลุ่ม เนื่องจากดินมีการระบายน้ำได้ดีกว่า และยังสามารถใช้เครื่องมือหรือเครื่องทุ่นแรงช่วยในการปฏิบัติงานในการดูแลรักษาและการเก็บเกี่ยวเป็นไปอย่างรวดเร็ว 




การเตรียมหลุมปลูก

การเตรียมหลุมปลูกสำหรับมะม่วงมีความสำคัญต่อการ เจริญเติบโตของต้นมะม่วงมากขึ้น โดยปกติแล้วขนากของ หลุมปลูกมะม่วงจะมีความแตกต่างกันออกไปตามลักษณะ ของดิน เช่น ในสภาพดินร่วนปนทราย ควรใช้ขนาดหลุม 50 × 50 × 50 เซนติเมตร (กว้าง × ยาว × ลึก) แต่ถ้าสภาพดินเป็นดินเลนหรือดินดาน ขนากของหลุมควรใช้ขนาดความกว้าง ยาว และ ลึก ด้านละ 1 เมตร 
การขุดหลุมควรใช้จอบขุดดินเป็นรูปสี่เหลี่ยม หรือวงกลม โดยการแบ่งชั้นของดอนออกเป็นดังนี้ คือ ดินชั้นบน อยู่ในระดับ 1 ฟุต ส่วนดินชั้นล่างให้เอาขึ้นมาไว้ข้างบนแยกต่างหาก ขุดหลุมเสร็จแล้วจะมีดินอยู่ 3 กอง ขุดเสร็จแล้วใช้ปุ๋ยคอก มาคลุกเคล้ากับดินจนเข้ากันดีแล้วใส่ลงบริเวณก้นหลุมโดยให้ชั้นดินสูงจากขอบหลุมประมาณ 5-6 นิ้ว เมื่อเตรียมหลุมปลูกเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มลงมือปลูก 
หลังจากแก้ผ้าพลาสติกแล้ว สิ่งที่ต้องระวังคือ ตรงบริเวณรอยทาบจะเป็นจุดที่อ่อนแอมากที่สุดหารกมีสิ่งใดมากระทบอาจทำให้รอยทาบนี้จะแยกออกจากกันได้ 



การดูแลรักษา

1.การใส่ปุ๋ย
การใส่ปุ๋ยมะม่วงยังมิได้มีการทดลองกันอย่างแท้จริง เพราะสภาพดินของแต่ละท้องที่ทำการปลูกแตกต่างกันไป โดยทั่วไปแล้วชนิดของปุ๋ยที่ให้จะมีอยู่ 2 ชนิดคือ

2.ปุ๋ยอินทรีย์ 
เป็นปุ๋ยที่ได้จากสิ่งมีชีวิต ซึ่งจะมีทั้งพืชและสัตว์โดยผ่านสภาพการแปรรูปหรือ นำมาหมักจนเน่าเปื่อยและอยู่ในสภาพที่นำมาใช้ได้ปุ๋ยอินทรีย์นั้นโดยปกติจะมีธาตุอาหารต่าง ๆ อยู่เกือบครบถ้วน นอกจากนี้ยังปรับสภาพดินเหนียวให้มีการระบายน้ำได้ดี

3.ปุ๋ยวิทยาศาสตร์หรือปุ๋ยเคมี 
เป็นปุ๋ยที่มีธาตุอาหารสูงกว่าปุ๋ยอินทรีย์และอยู่ในสภาพที่สามารถละลายน้ำได้ดีซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทันที 


การใส่ปุ๋ยมะม่วงนั้นสามารถแบ่งช่วงระยะของการใส่ปุ๋ยได้ ดังนี้ 

1. ระยะหลังตัดแต่งกิ่ง ควรใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 2 กิโลกรัมต่อต้น เพื่อให้มะม่วงแตกกิ่งก้านออกมาใหม่ และเพื่อให้ต้นสมบูรณ์แข็งแรงจึงควรใส่ปุ๋ยคอกอัตรา 4-5 บุ้งกี๋รวมเข้าไปด้วย 
2. ระยะก่อนหมดฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงที่มะม่วงหยุดการเจริญเติบโตทางด้านกิ่งก้านและเตรียมตัวสำหรับออกดอก ในระยะนี้ควรลดปริมาณปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจนให้ต่ำลง ถ้าเป็นดินร่วนหรือดินทรายควรใช้ปุ๋ยสูตร 8-24-24 แต่ถ้าเป็นดินเหนียวควรใช้สูตร 12-24-12 อัตรา 2 กิโลกรัมต่อต้น 
3. ระยะก่อนออกดอก จำเป็นต้องให้ปุ๋ยทางใบเพื่อบังคับไม่ให้มะม่วงแตกใบอ่อน โดยอาจใช้ปุ๋ย สูตร 0-52-34 หรือ 10-52-17 ฉีดพ่นในอัตรา 30-50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น 1-2 ครั้งห่างกัน 10-14 วัน หรือใช้สูตร 6-32-32 อัตรา 70 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น 2 ครั้งก็ได้ 
4. ระยะติดผล ใส่ปุ๋ยทางดินสูตร 15-15-15 อัตรา 1-2 กิโลกรัมต่อต้น ฉีดพ่นทุก 2 สัปดาห์ ประมาณ 5 ครั้ง 




การออกดอกการติดผล

การออกดอก

มะม่วงทำการออกดอกประมาณเดือนกุมภาพันธ์ การออกดอกของมะม่วงจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเช่น ความสมบูรณ์ของต้น และพันธ์ของมะม่วง ซึ่งใบมะม่วงจะอยู่ในสภาพแก่จัดก่อนที่จะออกดอก ขึ้นอยู่กับระยะเวลาเริ่มตั้งแต่มะม่วงเริ่มแทงช่อดอกจนถึงบานเต็มที่ ใช้เวลาประมาณ 20 วัน 

การติดผล
มะม่วงจะออกดอกอีกครั้งหนึ่งจำนวนมาก แต่จะติดผลเพียง 0-10 ผลต่อช่อเท่านั้น ซึ่งมีสาเหตุหลายประการ เช่นลักษณะของดอกมะม่วงที่ไม่สมบูรณ์ อาจเกิดจากแมลง 




15.2.59

โรคและแมลงศัตรู

1.โรคแอนแทรกโนส 
สาเหตุและการแพร่ระบาด

เกิดจากเชื้ราที่มีชื่อว่า คอลเลทโตตริคัม กลีโอสโปรอยด์ โดยที่สปอร์ของเชื้อจะทำการแพร่และปลิวไปตามลมหรือพายุฝนทำให้เกิดการระบาดในช่วงฤดูฝน 
ลักษณะอาการ
ใบจะเกิดเป็นสีน้ำตาลหรือดำมีขนาดเล็ก ซึ่งแผลจะขยายออกและรวมตัวกันทำให้เกิดแผลขนาดใหญ่จะทำให้ใบบิดงอได้ 
การป้องกันและกำจัด 

1.ตัดแต่งกิ่งและเก็บใบที่เป็นโรคเผาทำลาย 
2.ฉีดพ่นด้วยยา ไดเทนเอ็ม -45, เอซินแม็ก, แมนวิคาร์บ, ฟันดาโซล 50 หรือ เบนเลท ชนิดใดก็ได้ เมื่อมะม่วงแตกใบอ่อนให้ฉีดพ่น 14 วันต่อครั้ง เป็นจำนวน 2 ครั้ง 

2. โรคราแป้ง 

สาเหตุและการแพร่ระบาด 
เชื้อรามีชื่อว่า ออยเดียม แมงกิเฟอรี จะแพร่ระบาดโดยการ ที่สปอร์ของเชื้อเกิดขึ้นบนบริเวณแผล แล้วแพร่กระจายโดยลมพัดไปยังดอกอื่น ระบาดในช่วงฤดูฝน 
ลักษณะอาการ 
เป็นผงสีขาวคล้ายผงแป้ง โดยจะเกิดขึ้นเป็นหย่อม ๆ ต่อมาจะขยายออก รวมกันเป็นบริเวณกว้าง ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่ติดเชื้อเกิดการเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลปนม่วง 


การป้องกันและกำจัด 

1.ทำลายส่วนที่เป็นโรคด้วยการนำเอาไปเผาไฟ 
2.ใช้สารเคมีป้องกัน และยังมีโรคอื่นๆ อีกมากมายเช่น โรคเปลือกแตกยางไหล โรคราดำ โรคราสีชมพู ด้วงเจาะลำต้นมะม่วง แมงค่อมทอง



14.2.59

คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

- If you cannot fly, then run, if you can't run, then walk, if you can't walk, then crawl. Whatever you do, you have to keep moving forward. (ถ้าคุณบินไม่ได้จงวิ่ง ถ้าคุณวิ่งไม่ได้จงเดิน ถ้าคุณเดินไม่ได้จงคลาน ไม่ว่าคุณจะทำอะไรคุณจะต้องดิ้นรนเพื่อมุ่งไปข้างหน้)

- Life is like riding a bicycle. To keep your balance you must keep moving. (ชีวิตก็เหมือนกับการขี่จักรยาน เพื่อที่จะรักษาความสมดุลคุณจำเป็นที่จะต้องเคลื่อนตัวไปข้างหน้า)

- It's always nice to have someone in your life who can make you smile even when they are not around. (มันดีจริงๆที่จะมีใครสักคนในชีวิตที่สามารถทำให้คุณยิ้มได้แม้ว่าเขาคนนั้นจะไม่ได้อยู่ข้างๆคุณก็ตาม)

- Don't let someone change who you are, to become what they need. (อย่าปล่อยให้ใครมาเปลี่ยนตัวตนที่คุณเป็นให้กลายเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ)

The best feeling in the world is to know that your family are smiling because of you. (ความรู้สึกที่ดีที่สุดในโลกคือการที่ได้รู้ว่าครอบครัวกำลังยิ้มเพราะคุ)

- Never make someone your everything. Because once they are gone. You will have nothing. (อย่าได้ทำให้ใครมาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของคุณ เพราะเมื่อถึงเวลาที่เขาจากไปคุณจะไม่เหลืออะไรเลย)

- Never forget what someone says yo you when they are angry. Because that's when the truth comes out. (จงอย่าลืมสิ่งที่ใครบางคนพูดกับคุณเวลาที่พวกเขาโกรธเพราะนั่นคือเวลาที่ความจริงจะถูกปลดปล่อยออกมา)

- As you breathe right now, another person takes his last. So stop complaining and learn to live with what you have.
(ในขณะที่คุณกำลังหายใจอยู่ตอนนี้ใครบางคนกำลังใช้ลมหายใจสุดท้าย ดังนั้นจงเลิกบ่น คร่ำครวญและจงเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตไปกับสิ่งที่ตนมีอยู่)

- What comes easy won't last. What lasts won't come easy. (อะไรที่ได้มาง่ายๆจะไม่คงอยู่ถาวร และอะไรที่คงอยู่ถาวรก็จะไม่ได้มาง่ายๆเช่นกัน)

- Sometimes it is very hard to move on, but once you move on, you will realize it was the best decision you've ever made. (บางครั้งมันก็เป็นเรื่องยากมากที่จะก้าวเดินต่อไปแต่ครั้งหนึ่งถ้าคุณได้ก้าวไปแล้วคุณจะพบว่ามันคือการตัดสินใจที่ดีที่สุด)

- Life is like a roller coaster. It has its ups and downs. But it is your choice to scream or enjoy the ride.
(ชีวิตก็เป็นเหมือนกับรถไฟเหาะ มันจะต้องมีทั้งขึ้นและลง แต่มันก็เป็นทางเลือกของคุณว่าจะกรีดร้องด้วยความกลัวหรือจะสนุกไปกับมัน)

- Don't mix bad words with your bad mood. You will have many opportunities to change a mood, but you will never get the opportunity to replace the words you spoke.
(จงอย่าเอาคำพูดแย่ๆไปใช้เวลาที่คุณอารมณ์ไม่ดี เพราะคุณอาจมีโอกาสมากมายที่จะเปลี่ยนแปลงอารมณ์แต่คุณจะไม่มีโอกาสกลับไปแก้ไขคำพูดที่คุณพูดออกไปแล้วได้)

- Running away from your problems is a race you will never win. (การวิ่งหนีให้ไกลจากอุปสรรคและปัญหาต่างๆของคุณคือการแข่งขันที่คุณจะไม่มีวันชนะ)

- Learn from yesterday live for today and hope for tomorrow. (เรียนรู้จากเมื่อวาน ใช้ชีวิตอยู่กับวันนี้ และจงมีความหวังกับวันพรุ่งนี้)

- Never let go of your dream. (จงอย่าละทิ้งความฝันของคุ)

- Be yourself no matter whatever they say. (ไม่ว่าใครจะว่ายังไงจงเป็นตัวของตัวเอง)

- Life is not about waiting for the storm to pass. It is about learning to dance in the rain. (ชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับการรอให้พายุพัดผ่านไป แต่มันขึ้นอยู่กับการเรียนรู้ที่จะเต้นอยู่ท่ามกลางสายฝน)

- The past cannot be changes, forgotten, edited or erasaed; it can only be accepted. (อดีตนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลง,ลืม,แก้ไขหรือลบออกไปได้เราทำได้แค่เพียงยอมรับมันเท่านั้น)

- Don't be afraid to change. You may lose something good but you may gain something better. (จงอย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลง คุณอาจจะสูญเสียสิ่งที่ดีไปแต่คุณก็อาจจะได้รับในสิ่งที่ดีกว่ากลับมาแทน)

- Enjoy your own life without comparing it with that of another. (จงมีความสุขกับชีวิตของตัวคุณเองโดยที่ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับชีวิตของใคร)

- I am slow walker, but I never walk back. (ฉันอาจเป็นคนที่เดินอย่างเชื่องช้า แต่ฉันก็ไม่เคยเดินถอยหลัง)

- Pretty words are not always true and true words are not always pretty. (คำพูดที่สวยงามไม่ได้จริงเสมอไป และการพูดความจริงก็ไม่ได้สวยงามเสมอไปเช่นกัน)

- At some point you have to realize that some people can stay in your heart but not in your life. (เมื่อถึงจุดหนึ่งคุณก็จำเป็นต้องตระหนักว่า คนบางคนสามารถอยู่ได้เพียงแค่ในใจไม่ใช่ในชีวิตของคุณ)

- The only way to do great work is to love what you do. (หนทางเดียวที่จะทำงานให้ดีเยี่ยมคือ"รัก"ในสิ่งที่คุณทำ)

- Every story has an end but in life every end is a new beginning. (เรื่องราวทุกเรื่องนั้นมีตอนจบ แต่ในชีวิตจริง ในทุกๆ ตอนจบคือการเริ่มต้นครั้งใหม่)

- We don't grow when things are easy. We grow when we face challenges. (เราจะไม่เติบโตขึ้นหากทุกสิ่งที่เจอนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่เราจะเติบโตขึ้นเมื่อเราได้เผชิญหน้ากับความท้าทาย)

- I don't care if you're black, white, short, tall, skinny, rich or poor. If you respect me, I'll respect you. (ฉันไม่สนใจว่าคุณจะดำ, ขาว, เตี้ย, สูง, ผอม, รวยหรือจน แต่ถ้าคุณเคารพฉัน ฉันก็จะเคารพคุณ)

- Happiness is an attitude. We either makes ourselves miserable or happy and strong. It is your choice.(ความสุขเป็นเพียงทัศนคติหนึ่ง เราจะทำชีวิตให้เศร้า สุข หรือเข้มแข็ง
ขึ้นอยู่กับเราเลือกที่จะเป็น)

- You can't make someone else's choices so you shouldn't let someone else make yours. Follow your heart. (เราไม่อาจตัดสินใจแทนคนอื่นได้ เราจึงไม่ควรปล่อยให้คนอื่นมาตัดสินใจแทนเราเช่นกัน เพราะฉะนั้น จงทำตามหัวใจเรียกร้องเถอะ)

- The most successful people in the world Have made many mistakes And experienced far more failure than the rest.(คนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก คือคนที่พบเจอความผิดพลาดและความล้มเหลวมามากกว่าคนอื่น)

- You must lose your fear of being wrong In order to live a creative life. (คุณต้องละทิ้งความกลัวที่จะผิดพลาด เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์)

- Do not allow what you cannot do, Interfere with what you can do. You can reach your dreams faster
Doing things you're good at. (อย่าปล่อยให้สิ่งที่คุณทำไม่ได้
มาเป็นอุปสรรคในการทำสิ่งที่คุณทำได้ คุณสามารถเอื้อมคว้าความฝันให้เร็วขึ้นได้ หากเลือกทำในสิ่งที่คุณรัก)

- If someone seeks advice, Give them direction, not correction. Do not force your opinions on others. Steer them to make their own decisions. (หากมีคนมาขอคำปรึกษาจงแนะแนวทางแก่เขา ไม่ใช่เข้าไปแก้ปัญหาให้เขา อย่าบังคับคนอื่นให้คิดเหมือนกับเรา แค่แนะนำให้เขาได้ตัดสินใจด้วยตัวเองก็พอ)

- Break free from negative people Because negativity has a way of passing From person to person And they will drag you down with them. (พยายามออกห่างจากคนมองโลกในแง่ร้าย เพราะการมองโลกในแง่ร้ายนั้นสามารถติดต่อกันได้และมันจะทำให้คุณตกต่ำลงไปด้วย)

- Never miss the opportunity to follow your dreams.
Older people who are unhappy with life Are those with regrets.(อย่าปล่อยโอกาสที่จะทำตามฝันหลุดลอยไป เพราะเมื่อเวลาผ่านไป คุณอาจต้องอยู่กับชีวิตบั้นปลายที่ไร้ความสุข จากการเสียดายโอกาสที่ผ่านไปแล้วและไม่มีวันหวนกลับมาอีก)

- Living a false life will only lead to distress and worries. Be yourself, everyone is already taken. (การใช้ชีวิตแบบผิด ๆ มีแต่จะนำมาซึ่งความเศร้าโศกและความเครียดดังนั้นจงกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง)

- Don't take other people's criticism to heart. Instead, Listen to what they are saying And learn from it. (อย่าเก็บคำวิจารณ์ของคนอื่นมาใส่ใจ แต่จงรับฟังและใช้มันพัฒนาตัวเองดีกว่า)

- Everyone has their own struggles, own fights,
And a different path that they chose to get to where they are. Everyone is who they are for a reason. (อย่าเปรียบเทียบตัวเองหรือคนอื่นกับใครๆ เราทุกคนต่างก็เคยผ่านอุปสรรคและความยากลำบากมาต่างกัน และมีทางเดินของใครของมันที่แตกต่าง เราทุกคนจึงมีเหตุผลที่จะมีตัวตนที่แตกต่างกันไป)

- Sometimes hurt is needed to make us grow,
Failure is needed to make us know And loss is needed to make us gain. Because life's greatest lessons areUsually taught through a little bit of pain. (บางครั้งคนเราก็จำเป็นต้องเจ็บปวด เพื่อให้เราเติบโตขึ้น จำเป็นต้องผิดพลาด เพื่อให้เราได้เรียนรู้ จำเป็นต้องล้มเหลว เพื่อแลกกับประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ เพราะบทเรียนที่มีค่าที่สุดในชีวิต คือบทเรียนที่แลกมาด้วยความเจ็บปวด)

- Sometimes you wish you could just fast forward the time Just to the see if in the end It's all worth it. (บางครั้งเราก็อยากให้เวลาผ่านไปเร็วๆ เพื่อจะได้รู้ว่าที่เราพยายามเพื่ออนาคตนั้น
มันคุ้มค่าหรือไม่)

- People can't love and appreciate others, If they cannot love and appreciate themselves. (คนเราไม่อาจรักและเห็นคุณค่าของใครได้ หากยังไม่รู้จักรักและเห็นคุณค่าของตัวเอง)

- People grow through experience If they meet life honestly and courageously. This is how character is built.
(คนเราเติบโตขึ้นได้จากประสบการณ์ หากเราเลือกที่จะเผชิญชีวิตอย่างซื่อสัตย์และกล้าหาญ และนั่นคือสิ่งที่หล่อหลอมให้เราเป็นเราอย่างทุกวันนี้)

- Never give up on something you really want. However impossible things my seem, There's always a way.
(อย่ายอมแพ้ที่จะทำตามฝัน แม้ว่ามันดูยากเกินจะเป็นความจริงได้
จำไว้เถอะว่า ทุกอย่างมีหนทางและความเป็นไปได้ด้วยกันทั้งนั้น)

- If people have something to say about your life,
That's saying little about their own. Keep your head up,
Stay strong and move on. (หากมีใครวิพากษ์วิจารณ์ชีวิตของคุณ
และพูดถึงชีวิตตัวเองเพียงน้อยนิด ก็อย่าได้ใส่ใจคำพูดเหล่านั้นเลย
จงเข้มแข็ง และก้าวต่อไปเถอะ)

- You're young, but the years fly and soon, You'll be wondering what would have happened If you would have spoken What was inside your heart. (คุณอาจยังเด็ก แต่เมื่อเวลาผ่านไปเร็วเหมือนติดปีกบิน สักวันหนึ่งคุณจะมองย้อนกลับมาและถามตัวเองว่า ชีวิตจะเป็นอย่างไร หากในอดีตคุณเลือกพูดอย่างที่ใจคิด)

- You can get everything in life you want If you just help enough other people get what they want. (คุณสามารถได้ทุกอย่างในชีวิตที่คุณต้องการ หากคุณช่วยเหลือคนอื่นให้ได้ในสิ่งที่เขาต้องการเช่นกัน)

- The tragedy in life doesn't lie in not reaching your goal. The tragedy lies in not having a goal to reach. (เรื่องเศร้าในชีวิตไม่ใช่การที่เราไปไม่ถึงฝัน แต่เป็นการที่เราอยู่โดยไม่มีความฝันต่างหาก)

- Never underestimate someones ability to find out the truth. (อย่าดูถูกความสามารถในการค้นหาความจริงของผู้อื่น)

- You might meet a hundred acquaintances Just to find a few special friend. (คุณอาจต้องทำความรู้จักกับผู้คนนับร้อย กว่าจะได้พบเพื่อนแท้เพียงไม่กี่คน)

- You are in control of your destiny, Only you can make your dreams come true. (คุณเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของตัวเองมีเพียงคุณเท่านั้น ที่จะทำให้ความฝันของตัวเองเป็นจริง)

คำคมนี้จะช่วยให้คุณได้แรงบันดาลใจมากขึ้นนะคะ จำไว้ว่าไม่มีอะไรยากเกินความพยายาม ถ้าคุณตั้งใจจริงแล้ว ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของคุณแน่นอนค่ะ